ภารกิจของแม่
คนเป็นแม่ย่อมอยากให้ลูกเติบโตเป็นคนดี แต่นอกเหนือจากนั้น ความต้องการของคนเป็นแม่อาจจะแตกต่างกันไป อันมีพื้นฐานมาจากความต้องการส่วนบุคคล สิ่งแวดล้อม ฯลฯ เช่น อยากให้ลูกเรียนเก่ง เป็นนักกีฬา นักดนตรี
ช่วง generation รุ่นไม่กี่สิบปีหลังๆ มานี้ life style ของคนเป็นแม่แตกต่างออกไป จากสมัยโบราณ ทำให้เกิดระยะห่างระหว่างแม่ลูก ปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้แหละ ที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมที่ยุ่งวุ่นวายในปัจจุบัน
วันนี้ได้ฟังสัมภาษณ์คุณหมอท่านนึง ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาลูกขโมยของ มีคำถามมากมายที่ฝากเข้าไปในรายการ สิ่งที่สามารถสรุปได้จากคำตอบของคุณหมอนั่นก็คือ “ระยะห่างระหว่างพ่อแม่และลูก”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมคนรุ่นเราถึงมักได้ยินกันบ่อยๆ ว่า เด็กสมัยนี้เลี้ยงยาก ดื้อ พูดอะไรก็ไม่ฟัง ระยะห่างตรงนี้แหละที่เป็นคำตอบ
พ่อกับแม่ให้ความใกล้ชิดกับลูกมากพอหรือยัง ให้เวลาคุณภาพกับเค้ามากพอมั้ย ได้บอกรักลูกอย่างเพียงพอหรือยัง เคยเข้าใจความต้องการของลูกอย่างตรงจุดบ้างไหม เคยตอบสนองลูกอย่างถูกต้องหรือไม่ สิ่งต่างๆ ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่มองข้ามเหล่านี้ สิ่งที่คิดว่าเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไม่จำเป็นต้องแก้ไข เลยปล่อยทิ้งไว้ให้ปัญหาเติบโต ไปพร้อมกับเด็กตัวน้อย จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมสมัยนี้ ปัญหาสังคมถึงมากมายขนาดนี้
เวลาเจอคนที่ค่อนข้างสร้างปัญหา สิ่งที่จะคิดถึงเป็นอันดับแรกก็คือ เค้าเกิดมาในสิ่งแวดล้อมแบบไหนนะ เคยโดนกระทำอะไรมาบ้างหรือเปล่า เคยได้รับความรักจากพ่อแม่บ้างไหม เคยมีใครเอาใจใส่บ้างหรือเปล่า ฯลฯ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผลที่เกิดมาจากเหตุทั้งนั้น
คนสมัยนี้ส่วนใหญ่จะเข้าใจแต่สิทธิ์ของตัวเอง โดยไม่ค่อยคำนึงว่าจะเบียดเบียนผู้อื่นบ้างหรือเปล่า
แม่อย่างเราคงไม่ดีใจเลย ถ้าลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ไม่ปกติ สร้างปัญหาให้สังคม และทำให้คนอื่นเดือดร้อน
มีคนเคยถามว่า ทุ่มเทกับลูกขนาดนี้ ถ้าลูกเรียนไม่เก่งจะเสียใจมั้ย หรือ ถ้าโตขึ้นลูกเอนท์ไม่ติดจะเสียใจมั้ย?
ก็ตอบกลับไปด้วยความสัตย์จริงว่า ไม่เสียใจเลย เค้าจะอยากเรียนอะไรก็ได้ จะอยากทำอะไรก็ได้ อยากจะเป็นอะไรก็ได้ ผลการเรียนจะไม่เป็นตัวตัดสิน เค้าจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ที่สำคัญ… “เค้าต้องเป็นคนดี อยู่ได้อย่างมีความสุข และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
ภารกิจของคนเป็นแม่ จึงไม่ใช่เพียงแค่ให้ลูกเกิดมาเท่านั้น แ่ต่ยังต้องอาศัยแรงกาย แรงใจ และความทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อดูแลลูกตัวน้อยๆ ให้เติบโตเป็นประช่ากรที่มีคุณภาพ เป็นคนดีที่สามารถอยู๋ในโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข และไม่เบียดเบียนใคร
เคยฟังเพลง เพลงหนึ่ง มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กๆ แต่ไม่เคยอินเท่าตอนนี้เลย
ตั้งแต่มีลูก ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้น้ำตาจะไหลด้วยความซาบซึ้ง แม่ๆ คนอื่นๆ ก็คงเหมือนกันใช่ไหม
“ถ้าโตขึ้นไปหนูเป็นคนดี หนูจะมีแต่คนรักใคร่ ทำสิ่งใด คิดอะไร หนูจะได้ดังใจ เสมอ
ดวงดาวสายรุ้งจะเป็นเพื่อนเรา ความหงอยเหงา ก็ไม่เจอะเจอ
เป็นคนดี กันดี ไหมเออ ทำดีเสมอ ไม่ว่าหนูจะเป็นอะไร“
Recent Entries
- รวมผลงานศิลปะ ของต้นหนาว ช่วง 3 ขวบ 7 เดืือน – ครบ 4 ขวบ
- ต้นหนาวเที่ยวเชียงใหม่ 20-24 ตุลาคม 2012
- Phuket 30 May – 2 Jun. 2012
- ต้นหนาวไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์กับเพื่อน (Mar 2012)
- ต้นหนาวกับกิจกรรมช่วง 3 ขวบ 4 เดือน ^^
- อัพเดทเรื่องราวของต้นหนาว หลัง 3 ขวบ ถึง 3 ขวบ 3 เดือน
- พาต้นหนาวรับลมหนาว : เที่ยวเชียงราย 2-5 มค. 2555
- Play Station – The 9 พระรามเก้า (Dec. 2011)
- ต้นหนาวหนีน้ำท่วม เที่ยวชลบุรี
- หนีน้ำท่วม-กลับบ้านแล้วจ้า
October 21st, 2010 at 1:58 pm
ชอบจังที่บอกว่าจะเลี้ยงลูกแบบ “เค้าต้องเป็นคนดี อยู่ได้อย่างมีความสุข และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
เราก็พยายามจะเป็นแม่ชิวๆ แบบนี้
เลี้ยงลูกให้มีความสุขและมีชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีเราก็ได้
🙂
October 21st, 2010 at 2:01 pm
อยากให้เค้าเป็นแบบนี้จริงๆ นะ
แค่เป็นคนดี ทุกอย่างมันก็จะดีไปหมด ไม่มีคนดีที่ไหน มีแต่ความทุกข์ร้อนหรอกใช่มั้ย?
October 22nd, 2010 at 7:36 pm
คุ้นๆนะ คำถามนั้น 55555+
อ่านแล้วคิดถึงหลานว่ะ อยากให้หลานโตขึ้นเป็นคนดี อยู่ได้อย่างมีความสุข และไม่ทำให้ใครเดือดร้อนด้วย
แค่นี้ก็พอแล้วจริงๆเนอะ
October 23rd, 2010 at 11:20 pm
^
^
เออ คุ้นๆ เนอะ 555555555
เดี๋ยวงานแต่งป้านกไปเจอกันสิ ถ้าสามารถไปได้อ่ะนะ